อนุรักษ์ความเก่าแก่
ปกตินักนิยมสะสมของเก่าทั่วไป จะอนุรักษ์ร่องรอยความเก่าแก่ทางธรรมชาติไว้ให้อยู่ในสภาพเดิมๆ จะไม่ทำลายหลักฐานความเก่าแก่ตามกาลเวลาที่ผ่านมาทิ้งไปโดยเด็ดขาด ถ้าจะดูพระแท้หรือไม่แท้ ดูจากสภาพของความเก่าแก่ตามธรรมชาติน่าเชื่อถือกว่า ยิ่งเป็นพระเครื่องก็ยิ่งควรจะรักษาสภาพความเก่าแก่ไว้เป็นหลักฐานในการสร้าง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปล้างหรือทำลายทิ้ง ต่อจากนั้นจึงดูรูปทรงขององค์พระว่าสร้างในยุคใด สมัยไหน ใครเป็นผู้สร้าง
ข้อมูลทางการศึกษา
ตำนานพระนางพญานี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาหาข้อมูล เกี่ยวกับประวัติและความเป็นมาของพระนางพญา พระเครื่องสำคัญในชุดเบญจภาคีโดยเฉพาะ จุดประสงค์ของผู้จัดทำต้องการเสนอข้อมูลทางวิชาการแก่ผู้ที่สนใจศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระนางพญาว่ามีประวัติและความเป็นมาอย่างไร มีหลักเกณฑ์ในการดูอย่างไร เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระนางพญา กรุวัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก เป็นอย่างยิ่ง เพราะมุ่งเน้นประ วัติและศิลปะการสร้างตลอดทั้งดูมวลสารและความแข็งแกร่งของเนื้อพระเป็นหลัก
พระชุดเบญจภาคี
ที่มาของพระชุดเบญจภาคี มีดังนี้ เบญจแปลว่า ๕ ภาคีแปลว่า พวกหรือผู้มีส่วนร่วม การนำพระเครื่องสำคัญๆ ๕ องค์มารวมกันเป็นชุดจึงเรียก ว่า เบญจภาคี
ชุดที่ ๑ ได้แก่พระเครื่องสำคัญๆดังนี้
- พระรอด จังหวัดลำพูน
- พระผงสุพรรณ จังหวัดสุพรรณบุรี
- พระซุ้มกอ จังหวัดกำแพงเพชร
- พระนางพญา จังหวัดพิษณุโลก
- พระสมเด็จวัดระฆัง จังหวัดกรุงเทพฯ
พระรอด กรุวัดมหาวัน จังหวัดลำพูน สร้างในสมัยทวารวดี ปี พ.ศ 1200
พระผงสุพรรณ จ.สุพรรณบุรี สร้างในสมัยอู่ทอง
พระซุ้มกอ กรุวัดพิกุล จังหวัดกำแพงเพชร สร้างในสมัยสุโขทัย
พระนางพญา กรุวัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระสมเด็จวัดระฆัง กรุงเทพฯ สร้างในสมัยกรุงรัตน์โกสินทร์
พระสมเด็จบางขุนพรหม จ.กรุงเทพฯ สร้างในสมัยกรุงรัตน์โกสินทร์
- สมัยทวารวดี ( พระรอด )
- สมัยอู่ทอง ( พระผงสุพรรณ )
- สมัยสุโขทัย ( พระซุ้มกอ )
- สมัยอยุธยา ( พระนางพญา )
- สมัยรัตน์โกสินทร์ ( พระสมเด็จวัดระฆัง )
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง